องค์การบริหารส่วนจังหวัดลำพูนขับเคลื่อนกิจกรรมกลองหลวง ปี 2556

        
             เมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธุ์ ที่ผ่าน เฟสบุ๊คองค์การบริหารส่วนจังหวัดลำพูน ได้เผยภาพคณะททำงานกำลังหารือเพื่อส่งเสริมกิจกรรมการแข่งขันกลองหลวง ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมที่สำคัญของภาคเหนือ โดยเฉพาะจังหวัดลำพูน ตามข่าวแจ้งว่าในการประชุมครั้งที่ได้เชิญผู้ทรงคุณวุฒิ ที่มาความรู้ เพื่อแลกเปลี่ยนและพิจารณาถึงรูปแบบการแข่งขัน โดยมุ่งการฟื้นฟู อนุรักาณ์ และส่งเสริมให้สัมพันธ์กับการเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ในปี 2558 



             โดยความเป็นมาของการแข่งขันกลองหลวงนั้น  ท่านพระครูสังวรญาณประยุตกล่าวว่าแต่เดิมนั้น พระภิกษุสงฆ์จะเป็นผู้นำกลุ่ม ชาวบ้านบริเวณหมู่บ้านนำเอากลองที่มีอยู่ในวัดมาใส่ล้อเกวียน ลากไปแข่งขันประชันกับต่างหมู่บ้านในยามค่ำคืน ถือเป็นการพักผ่อนหย่อนใจและเป็นการละเล่นประเภทหนึ่ง โดยมากจะเป็นช่วงที่ชาวบ้านว่างจากการทำไร่ไถนาคือประมาณเดือนมีนาคม เมษายน พฤษภาคม ชาวบ้านส่วนใหญ่จะเป็นพวกหนุ่มๆที่ถือโอกาสไปเกี้ยวพาราสีสาวในหมู่บ้านอื่นไปด้วย ไม่ได้มีการแข่งขันกันอย่างจริงจังเท่าไรนัก หรืออาจถือโอกาสนัดท้าประลองต่างบ้านอื่นๆให้นำกลองมาร่วมประลองด้วย ซึ่งผู้ที่ชนะก็จะมีการฉลองชัยกันอย่างครื้นเครง ซึ่งถือเป็นเกมกีฬาอย่างหนึ่ง

             สำหรับกติกาการแข่งขันกลองหลวง แต่เดิมไม่มีกฏเกณฑ์มากมาย เพียงแต่ตีกลองให้มีเสียงดังที่สุดเท่าที่จะทำได้เพื่อให้กลบเสียงของคู่ต่อสู้ การแข่งขันกลองหลวงนัดสำคัญประจำปีที่นักเลงกลองหลวงเฝ้าคอย คือ การแข่งขันกลองหลวงในงานประเพณีสรงน้ำพระบรมธาตุหริภุญชัย ทุกปีจะมีกลองหลวงจากทุกหมู่บ้านมาร่วมแข่งขัน จัดเป็นมหกรรมกลองหลวงที่ยิ่งใหญ่ อาจเนื่องจากกลองหลวงเป็นกลองที่จัดขึ้นสำหรับตีประกอบการฟ้อนเพื่อเป็นการฟ้อนบูชาถวายพระธาตุฯ เมื่อเสร็จภารกิจในการฟ้อน กลองที่แต่ละหมู่บ้านนำมาจะถูกนำไปเรียงไว้ที่นอกวัดและมีการนำมาตีแข่งขัน เพื่อแข่งว่ากลองของใครจะดังกว่ากัน จึงเกิดเป็นความนิยมที่มีการแข่งขันกลองเป็นประจำปีในงานสรงน้ำพระบรมธาตุหริภุญชัย ซึ่งต่อมานิยมนำมาแข่งขันในงานปอยหลวงอีกด้วย

             ในการแข่งขันการตีกลองหลวงเพิ่งจะเริ่มกันเมื่อประมาณ ๘๐-๙๐ ปีที่ผ่านมานี้เอง แต่ก็ซาลงไปเมื่อเกิดสงครามโลกครั้งที่ ๒ ต่อมาพระครูเวฬุวันพิทักษ์ได้รื้อฟื้นการแข่งขันการตีกลองหลวงขึ้นมาใหม่ โดยชักชวนให้นำกลองหลวงที่มีแต่ละวัดมาตีแข่งขันกัน เมื่อประมาณปี พ. ศ. ๒๔๙๕ ในงานประจำปีวัดพระพุทธบาทตากผ้า ซึ่งต่อมาได้กลายเป็นที่นิยมมากขึ้นโดยเฉพาะในเขตอำเภอป่าซาง อำเภอบ้านโฮ่ง จังหวัดลำพูน อำเภอจอมทอง จังหวัดเชียงใหม่ รูปแบบของกลองต่างได้รับการออกแบบเพื่อให้มีเสียงดังที่สุดกว่าของคนอื่น เช่น อาจทำให้มีความยาวเพิ่มขึ้น แต่พระครูเวฬุวันพิทักษ์ได้ค้นหาและทำรูปแบบกลองที่มีเสียงที่ดังมาก โดยรูปแบบกลองจะมีหน้ากลองที่กว้างขึ้นและมีขนาดความยาวของกลองลดลง และคิดประดิษฐ์รูกลองที่เสียงจะผ่านทางก้นกลองให้มีขนาดเล็กเท่าไข่เป็ดเท่านั้น ซึ่งถือว่าเป็นการปฏิรูปกลองหลวงให้เป็นรูปแบบใหม่ ปัจจุบันกลองชนิดนี้เป็นที่นิยมแพร่หลายไปทั่วเขตภาคเหนือตอนบน เช่น แพร่ น่าน เชียงราย เชียงใหม่



             ซึ่งนับจากนี้หากจังหวัดลำพูน โดยองค์การบริหารส่วนจังหวัดลำพูนจะมุ่งให้การสนับสนุนเพื่อสร้างอัตลักษณ์และการเปิดพื้นทีเศรษฐกิจทางวัฒนธรรมในอนาคตก็คาดว่า จะเป็นอีกแรงกระตุ้นหนึ่งที่ทำให้การค้าในภาคเหนือเมื่อเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ในปี 2558 มีความคึกคัก หลากหลายและนำเม็ดเงินเข้าสุ่ระบบเศรษฐกิจของคนลำพูน


นฤเทพ พรหมเทศน์ เรียบเรียง/ขอบคุณภาพจาก เฟสบุ๊ค สอง เตชะศรีองค์การบริหารส่วนจังหวัด ลำพูน





โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

จังหวัดลำพูนเร่งฟื้นฟูวัฒนธรรมประเพณีอันทรงคุณค่าของชนเผ่ากะเหรี่ยง พร้อมอนุรักษ์สืบสานให้คงอยู่สืบไป

รายงานสถานการณ์อุทกภัยลำพูน (7 ต.ค. 54)

จังหวัดลำพูน จัดชุดปฏิบัติการระดมกวาดล้างอาชญากรรม เพื่อเป็นการสร้างความมั่นใจ ให้กับประชาชนและนักท่องเที่ยวในการเดินทางมาร่วมเทศกาลลอยกระทงของจังหวัดลำพูน