กลางปีหน้า “ทอท.” เข้าบริหารสนามบิน ทย. เต็มตัว “อุดรฯ-บุรีรัมย์-กระบี่”
ทอท. ชงผลศึกษาเพิ่มเติมบริหาร 3 สนามบิน ทย. “อุดรฯ-บุรีรัมย์-กระบี่” ให้คมนาคม พ.ย.นี้ ก่อนชู้ตเข้า ครม. คาดเข้าบริหารเต็มตัวกลางปี 66 ทุ่มหมื่นล้าน ลงทุนเพิ่มศักยภาพสนามบิน ดันสู่ฮับอีสานรับบินตรงเที่ยวบินอินเตอร์ ขณะที่ 2 สนามบินใหม่ “พังงา-ลำพูน” รอก่อน
นายนิตินัย ศิริสมรรถการ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. เปิดเผยว่า ขณะนี้ ทอท. อยู่ระหว่างศึกษาเพิ่มเติมตามข้อคิดเห็นของกระทรวงการคลัง อาทิ การอุดหนุนรายได้ให้กรมท่าอากาศยาน(ทย.) ความคุ้มค่า และฐานะทางการเงิน ตามมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่เห็นชอบในหลักการให้ ทอท. เข้าไปเป็นผู้รับผิดชอบดูแล และบริหารจัดการท่าอากาศยานแทน ทย. จากเดิม 4 เป็น 3 ท่าอากาศยาน ได้แก่ ท่าอากาศยานอุดรธานี, ท่าอากาศยานบุรีรัมย์ และท่าอากาศยานกระบี่ พร้อมทั้งให้นำความคิดเห็นของหน่วยงานต่างๆ ไปดำเนินการ ทั้งนี้ คาดว่าจะศึกษาแล้วเสร็จ และเสนอกระทรวงคมนาคมภายในเดือน พ.ย.65 ก่อนนำกลับมาเสนอที่ประชุม ครม.ต่อไป
นายนิตินัย กล่าวต่อว่า ทอท. ได้กำหนดแผนพัฒนาท่าอากาศยานทั้ง 3 แห่ง โดยยังคงกรอบวงเงินลงทุนเดิมเบื้องต้นประมาณ 1 หมื่นล้านบาท ในการปรับปรุงอาคารผู้โดยสาร เพื่อขยายขีดความสามารถในการรองรับผู้โดยสาร รวมทั้งติดตั้งสิ่งอำนวยความสะดวก และจัดซื้ออุปกรณ์ต่างๆ ตามมาตรฐานองค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ไอเคโอ) อย่างไรก็ตาม ระยะแรก ทอท. ไม่ได้คาดหวังว่าจะเพิ่มจำนวนผู้โดยสาร หรือปรับปรุงอาคารผู้โดยสาร แต่จะดำเนินการให้สนามบิน โดยเฉพาะสนามบินอุดรธานี และบุรีรัมย์ เป็นศูนย์กลางการบิน (ฮับ) ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ สามารถรองรับการบินตรงเส้นทางบินระหว่างประเทศให้ได้ก่อน เพื่อดึงผู้โดยสารระหว่างประเทศที่เดิมต้องมาเปลี่ยนเที่ยวบินภายในประเทศที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ให้สามารถมาลงที่ท่าอากาศยานอุดรธานี และบุรีรัมย์ได้เลย
นายนิตินัย กล่าวด้วยว่า ส่วนความคืบหน้าการก่อสร้างท่าอากาศยานภูเก็ต แห่งที่ 2 หรือสนามบินพังงา และท่าอากาศยานเชียงใหม่ แห่งที่ 2 หรือสนามบินลำพูนนั้น ก่อนหน้านี้ ทอท. ได้ทำการศึกษาแล้ว แต่เนื่องจากมีข้อสังเกตว่าควรว่าจ้างหน่วยงานกลางมาทำหน้าที่ศึกษาเรื่องดังกล่าวด้วย ซึ่งในขณะนั้น ทอท. ได้เตรียมว่าจ้างศึกษา แต่เนื่องจากมีนโยบายเรื่องการให้ ทอท. บริหาร 3 สนามบิน ทย. ทางกระทรวงคมนาคมจึงให้รอผลการเข้าบริหาร 3 สนามบินของ ทย.ก่อน อย่างไรก็ตาม เนื่องจากปัจจุบันการเดินทางของผู้โดยสารยังไม่กลับมาปกติเท่ากับช่วงก่อนเกิดโควิด-19 จึงทำให้ขณะนี้ท่าอากาศยานเชียงใหม่ และท่าอากาศยานภูเก็ต ยังสามารถรองรับปริมาณการเดินทางเข้า-ออกของผู้โดยสารได้

ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น