ประธานสภาวัฒนธรรมลำพูน แนะใช้โอกาสวันวาเลนไทน์ในการสำรวจตนเองเพื่อให้ประเทศชาติเกิดความปรองดอง
ประธานสภาวัฒนธรรมจังหวัดลำพูน ชี้ การรับวัฒนธรรมการแสดงความรักในวันวาเลนไทน์มาใช้ไม่ผิด แต่ต้องใช้ให้ถูกต้องเหมาะสมกับวิถีชีวิตและวัฒนธรรมไทย ย้ำ พระพุทธเจ้ามอบหัวใจให้พุทธศาสนิกชนเช่นกันแนะคนไทยใช้โอกาสนี้สำรวจตนเอง เพื่อนำสู่ความสามัคคีปรองดองของคนในชาติ
นายพงเทพ มนัสตรง ประธานสภาวัฒนธรรมจังหวัดลำพูน กล่าวเนื่องในวันแห่งความรักว่า ถือเป็นวัฒนธรรมของชาวต่างชาติ โดยอดีตถือได้ว่านักบุญวาเลนไทน์นั้นเป็นตัวแทนผู้มอบความรักให้กับคริสต์ศาสนิกชนและคนทั้งโลก เป็นวัฒนธรรมในการแสดงออกซึ่งความรักต่อกันอย่างบริสุทธิ์ ปัจจุบันประเทศไทยจึงมีการรับเอาวัฒนธรรมนี้มาใช้ ประธานสภาวัฒนธรรมฯ ย้ำว่าการรับเอาวัฒนธรรมนี้มาไม่ได้เป็นสิ่งผิดแต่อย่างใด หากแต่ว่าเราควรจะต้องนำวัฒธรรมการแสดงความรักนั้น มาปรับใช้กับวัฒนธรรมไทยให้มีความเหมาะสม ปัจจุบันพบว่าการแสดงความรักของหนุ่มสาวเป็นการรับวัฒนธรรมมาใช้แบบไม่สอดคล้องกับวิถีชิวิตและความเป็นไทย จึงก่อเกิดปัญหาการแสดงความรักที่ไม่ถูกต้องขึ้น ซึ่งการแสดงความรักผ่านพฤติกรรมหรือกิจกรรมที่ไม่เหมาะสมในวันวาเลนไทน์ ไม่ได้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของวัฒนธรรมดั้งเดิม
นายพงเทพ มนัสตรง ประธานสภาวัฒนธรรมจังหวัดลำพูน กล่าวเนื่องในวันแห่งความรักว่า ถือเป็นวัฒนธรรมของชาวต่างชาติ โดยอดีตถือได้ว่านักบุญวาเลนไทน์นั้นเป็นตัวแทนผู้มอบความรักให้กับคริสต์ศาสนิกชนและคนทั้งโลก เป็นวัฒนธรรมในการแสดงออกซึ่งความรักต่อกันอย่างบริสุทธิ์ ปัจจุบันประเทศไทยจึงมีการรับเอาวัฒนธรรมนี้มาใช้ ประธานสภาวัฒนธรรมฯ ย้ำว่าการรับเอาวัฒนธรรมนี้มาไม่ได้เป็นสิ่งผิดแต่อย่างใด หากแต่ว่าเราควรจะต้องนำวัฒธรรมการแสดงความรักนั้น มาปรับใช้กับวัฒนธรรมไทยให้มีความเหมาะสม ปัจจุบันพบว่าการแสดงความรักของหนุ่มสาวเป็นการรับวัฒนธรรมมาใช้แบบไม่สอดคล้องกับวิถีชิวิตและความเป็นไทย จึงก่อเกิดปัญหาการแสดงความรักที่ไม่ถูกต้องขึ้น ซึ่งการแสดงความรักผ่านพฤติกรรมหรือกิจกรรมที่ไม่เหมาะสมในวันวาเลนไทน์ ไม่ได้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของวัฒนธรรมดั้งเดิม
นายพงเทพ กล่าวต่อไปว่า คนไทยเราส่วนใหญ่นับถือศานาพุทธ ในทางพุทธศาสนานั้น “วันมาฆบูชา” เปรียบได้กับ “วันวาเลนไทน์” เพราะวันมาฆบูชาเป็นวันที่พระพุทธเจ้าได้แสดงธรรมโอวาทปาฏิโมกข์ หลักธรรมซึ่งเป็นหัวใจของพระพุทธศาสนา 3 ประการ ได้แก่ การละเว้นความชั่วทั้งปวง ทำความดีให้ถึงพร้อม และทำจิตใจให้บริสุทธิ์ผ่องใสอยู่เสมอ หากพิจารณาหัวใจของพระพุทธศาสนาทั้ง 3 ข้อนี้จะเห็นว่า พระพุทธเจ้าอยากให้มนุษย์ได้อยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข โดยมอบความรักให้กับตนเองและผู้อื่นโอกาสเทศกาลแห่งความรักนี้ ประธานสภาวัฒนธรรมแนะว่า อยากให้ทุกคนได้ทบทวนจิตใจ ความคิด และการดำเนินชีวิตของตนเองว่าตั้งมั่นอยู่บนความดีที่ถูกต้องหรือไม่ ได้มอบความรักให้กับตัวเองและคนรอบข้างมากน้อยเพียงใดในสภาวะสังคมที่ต้องการความสามัคคีปรองดองของคนในชาติ ชี้ หากคนในสังคมมีความรักที่บริสุทธิ์ มีความจริงใจต่อกัน ไม่ใส่ร้ายหรือนึกผลประโยชน์ของตนเป็นที่ตั้ง ประกอบกับใช้หลักธรรมที่เป็นหัวใจของพระพุทธศาสนา เชื่อว่าประเทศไทยของเราจะมีความสงบสุขที่ยั่งยืน
ขอบคุณที่มาจาก สวท.ลำพูน