ลำพูนเตรียมแก้ปัญหาลำไยตกต่ำ เน้นปรับปรุงคุณภาพ
จังหวัดลำพูนเตรียมแผนแก้ไขปัญหาราคาลำไยตกต่ำ โดยเน้นการปรับปรุงคุณภาพ พร้อมทั้งส่งเสริมให้ประชาชนบริโภคลำไย
จากกรณีปัญหาราคาลำไยตกต่ำ ทำให้เกษตรกรได้รับความเดือดร้อนเป็นประจำต่อเนื่องมาหลายปี ที่จังหวัดลำพูน นายสุรชัย ขันอาสา ผู้ว่าราชการจังหวัดลำพูน ได้ประชุมหารือแนวทางแก้ไขปัญหากับผู้แทนเกษตรกร ผู้แทนสมาคมส่งออกผลไม้ และคณะอาจารย์ คณะเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่และมหาวิทยาลัยแม่โจ้ เพื่อร่วมกันวิเคราะห์ถึงสาเหตุและพิจารณาหาแนวทางแก้ไขปัญหา
ที่จังหวัดลำพูน มีพื้นที่ปลูกลำไย 270,000 ไร่ เป็นพื้นที่ผลิตลำไยตามฤดูกาล 220,000 ไร่ และผลิตลำไยนอกฤดูกาล 50,000 ไร่ ปัญหาที่ผ่านมาพบว่า เกษตรกรจำหน่ายได้ราคาต่ำโดยกล่าวอ้างว่าพ่อค้ากดราคารับซื้อ ทางด้านผู้แทนสมาคมส่งออกผลไม้ กล่าวว่า การับซื้อลำไยเป็นไปตามกลไกของตลาดรวมทั้งอ้างอิงราคาจากต่างประเทศที่ส่งออก ซึ่งสามารถตรวจสอบได้ เพราะไม่เป็นความลับ สาเหตุที่แท้จริงของการรับซื้อลำไยที่ลำพูนได้ราคาต่ำเนื่องจากคุณภาพต่ำ หากเปรียบเทียบกับลำไยที่จังหวัดจันทบุรี จะจำหน่ายได้ราคาสูงเนื่องจากลำไยมีคุณภาพดี ทางด้านนักวิชาการจากมหาวิทยาลัยฯ เห็นด้วยกับการปรับปรุงคุณภาพลำไย เพื่อให้มีคุณภาพดีจะได้จำหน่ายได้ราคาสูง โดยเสนอแนวทางการปรับปรุงคุณภาพ 3 แนวทาง คือ การผลิตผู้เชี่ยวชาญลำไยประจำตำบลหรือหมอลำไย เพื่อให้มีความรู้ในการปรับปรุงคุณภาพลำไยและถ่ายทอดให้แก่เกษตรกรในตำบล แนวทางที่ 2 คือการกระจายข่าวสารการผลิตลำไยให้ถึงเกษตรกรโดยตรงโดยใช้ระบบโทรศัพท์ เพื่อให้เกษตรกรได้ทราบข้อมูลข่าวสาร รวมทั้งแจ้งเตือนวิธีปฏิบัติในการให้น้ำให้ปุ๋ยในห้วงระยะเวลาที่เหมาะสม และแนวทางที่ 3 คือการพัฒนาคุณภาพโดยวิธีการเร่งหรือขยายระยะเวลาเก็บเกี่ยวผลผลิตเพื่อรอภาวะตลาด
สำหรับผลผลิตลำไยปีนี้ คาดว่า จะมีผลผลิต 160,000 ตัน โดยจะส่งเสริมการบริโภคสดและส่งออกผลสดจำนวน 96,000 ตันและส่งเสริมการแปรรูปเป็นลำไยอบเนื้อสีทอง อบแห้งทั้งเปลือกและอื่น ๆ อีกจำนวน 64,000 ตัน
ผู้ว่าราชการจังหวัดลำพูน กล่าวว่า ลำไยนับเป็นผลไม้ประจำจังหวัดและมีชื่อเสียงมายาวนาน จึงต้องการส่งเสริมให้ประชาชนบริโภคลำไยโดยนำมาผลิตเป็นอาหาร ขนม หรือแปรรูปอื่น ๆ โดยให้ข้าราชการเป็นตัวอย่างในการบริโภคลำไย เช่น ในการประชุมที่มีอาหารว่างก็ให้จัดทำน้ำลำไยหรือเค้กลำไย คุกกี้ลำไย และอื่น ๆ ก็จะเป็นการช่วยเหลือเกษตรกรได้อีกทางหนึ่ง
ที่มาของข่าว ส.ปชส.ลำพูน