รองเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรแนะเยาวชนมองการเมืองอย่างเข้าใจ ชี้ ปมร้อนจ่อคิวเข้าสภาแน่น สิงหาคมนี้
รองเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรแนะเยาวชนมองการเมืองอย่างเข้าใจ ชี้ ปมร้อนจ่อคิวเข้าสภาแน่น สิงหาคมนี้
รองเลขาธิการสภาฯ หวังรายการ "รัฐสภาของเรา" ก้าวสู่ปีที่ 12 เพิ่มเนื้อหาปลูกฝังประชาธิปไตยให้ถึงแก่นมากขึ้น รับปัจจุบันสังคมแตกแยกจริงจนคนเบื่อการเมือง แนะเยาวชนมองอย่างเข้าใจเพื่อช่วยพัฒนาประเทศ ชี้ จับตาเปิดสมัยประชุมสิงหาคมนี้ปมร้อนจ่อคิวเข้าสภาแน่น
เมื่อวานนี้ (28มิถุนายน55) นายคัมภีร์ ดิษฐากรณ์ รองเลาขาธิการ สผ. กล่าวผ่านรายการวิทยุรัฐสภาของเราภายหลังร่วมกิจกรรม “รัฐสภาของเราสัญจร” ครั้งที่ 3/2555 ของสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทยจังหวัดลำพูนว่า ในปี 2555 ได้มีโครงการศึกษาดูงานวิถีความเป็นประชาธิปไตยของประเทศญี่ปุ่น ที่มีระยะเวลาการปกครองใกล้เคียงกับประเทศไทยแต่สามารถพัฒนาไปได้ก้าวหน้าเป็นอย่างมาก โดยชี้ให้เห็นว่าประชาธิปไตยที่แท้จริงนั้นไม่สามารถศึกษาได้จากตำราเพียงอย่างเดียวเท่านั้น ซึ่งหากเทียบกับต้นไม้จะเห็นได้ว่ามีทั้งเปลือกและแก่น ต้องอาศัยการศึกษาวิธีการที่จะทำให้เป็นวิถีประชาธิปไตยอย่างที่จริงร่วมด้วย ภายหลังการศึกษาดูงานครั้งนี้จึงมีความคาดหวังว่า สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย ของกรมประชาสัมพันธ์ 50 สถานีที่เข้าร่วมโครงการวิทยุท้องถิ่นรัฐสภาของเรา โดยสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งกำลังจะก้าวเข้าสู่ปีที่ 12 นี้นั้นจะมีการพัฒนาคุณภาพรายการในด้านของการปลูกฝังและส่งเสริมวิถีประชาธิปไตยในรูปแบบต่างๆมากยิ่งขึ้นนอกจากนี้ยังได้กล่าวถึงวิถีประชาธิปไตยด้านการแสดงความคิดเห็นของคนในสังคมช่วงนี้ โดยยอมรับว่าปัจจุบันมีความความขัดแย้งค่อนข้างมากและกำลังพยายามแก้ปัญหาที่ปลายเหตุร่วมกัน ซึ่งหากมองปัญหาให้ชัดเจนแล้วจะเห็นว่าเป็นความขัดแย้งที่เกิดขึ้นภายนอกครอบครัว หากครอบครัวไหนที่มีวิถีประชาธิปไตยที่ดีอยู่แล้วหรือสามารถกำหนดรูปแบบครอบครัวได้แล้ว ก็จะได้รับผลกระทบจากความขัดแย้งของสังคมน้อยลง ขณะเดียวกันยังได้สร้างความเข้าใจกับเยาวชนที่กำลังเบื่อหน่ายการเมืองหรือการประชุมสภาด้วยว่า แท้จริงแล้วรัฐสภานั้นเป็นที่ให้สมาชิกไปพูด ซึ่งควรสนใจเนื้อหาสาระของสมาชิกที่ไปพูดเพราะจะแสดงให้เห็นถึงเหตุและผลในแต่ละมุมมอง เพื่อนำมาพิจารณาด้วยตนเองว่าหากเราเป็นผู้ที่จะได้ใช้กฎหมายฉบับดังกล่าวนั้นแล้วจะได้รับผลอย่างไร ทั้งนี้ ถ้ามองเพียงรูปแบบของการแสดงความคิดเห็นว่ามีแต่การถกเถียงกัน ประกอบกับรับฟังข้อมูลจากแหล่งต่างๆเพียงด้านเดียวแล้วนั้น วิถีการพัฒนาประชาธิปไตยคงไม่สามารถเกิดขึ้นได้ ตรงกันข้ามสิ่งที่จะได้รับคือความเบื่อหน่ายและการแตกสามัคคีรองเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรยังกล่าวต่อไปว่า อยากให้ทุกคนโดยเฉพาะเยาวชนมีส่วนร่วมทางการเมืองผ่านการติดตาม ตรวจสอบการดำเนินงานของผู้แทนหลังการเลือกตั้ง ฟังการประชุมสภาและแสดงความคิดเห็นผ่านกระบวนการเสนอร่าง พ.ร.บ.ตามขั้นตอนที่กฎหมายกำหนด และที่สำคัญที่สุดเยาวชนซึ่งเป็นกำลังสำคัญของชาติ วันนี้ได้เห็นถึงปัญหาของสังคมซึ่งจะต้องร่วมกันศึกษาและเรียนรู้ตั้งแต่วันนี้ เพื่อร่วมกันคลายปมปัญหาให้น้อยลงในอนาคต ขณะเดียวกันยังได้กล่าวถึงการเปิดประชุมสภาสมัยสามัญทั่วไปในวันที่ 1 สิงหาคมนี้ว่า มีหลายประเด็นที่ควรติดตามไม่ว่าจะเป็น ร่าง พ.ร.บ.ปรองดองแห่งชาติ ที่ยังค้างการลงมติในวาระที่ 3 ก่อนปิดสมัยประชุมที่แล้ว ซึ่งจะต้องนำมาพิจารณาหารือกันเป็นเรื่องแรกเมื่อเปิดประชุม ติดตามมาด้วย ร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ ม.291 ว่าด้วยเรื่องที่มาของ สสร.ที่ยังค้างการลงมติเช่นเดียวกัน นอกจากนี้ยังมีร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2556 ในวาระที่ 2 ที่จะต้องเข้าสู่สภา ท้ายทีสุดแน่นอนว่าในสมัยประชุมนี้ฝ่ายค้านคงจะมีการยื่นญัตติเพื่ออภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรีหรือรัฐมนตรีเป็นรายบุคคลอย่างแน่นอน ซึ่งหากมีการลงมติแล้วไม่ไว้วางใจก็จะนำมาซึ่งการปรับเปลี่ยนรัฐบาลต่อไป
เมื่อวานนี้ (28มิถุนายน55) นายคัมภีร์ ดิษฐากรณ์ รองเลาขาธิการ สผ. กล่าวผ่านรายการวิทยุรัฐสภาของเราภายหลังร่วมกิจกรรม “รัฐสภาของเราสัญจร” ครั้งที่ 3/2555 ของสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทยจังหวัดลำพูนว่า ในปี 2555 ได้มีโครงการศึกษาดูงานวิถีความเป็นประชาธิปไตยของประเทศญี่ปุ่น ที่มีระยะเวลาการปกครองใกล้เคียงกับประเทศไทยแต่สามารถพัฒนาไปได้ก้าวหน้าเป็นอย่างมาก โดยชี้ให้เห็นว่าประชาธิปไตยที่แท้จริงนั้นไม่สามารถศึกษาได้จากตำราเพียงอย่างเดียวเท่านั้น ซึ่งหากเทียบกับต้นไม้จะเห็นได้ว่ามีทั้งเปลือกและแก่น ต้องอาศัยการศึกษาวิธีการที่จะทำให้เป็นวิถีประชาธิปไตยอย่างที่จริงร่วมด้วย ภายหลังการศึกษาดูงานครั้งนี้จึงมีความคาดหวังว่า สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย ของกรมประชาสัมพันธ์ 50 สถานีที่เข้าร่วมโครงการวิทยุท้องถิ่นรัฐสภาของเรา โดยสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งกำลังจะก้าวเข้าสู่ปีที่ 12 นี้นั้นจะมีการพัฒนาคุณภาพรายการในด้านของการปลูกฝังและส่งเสริมวิถีประชาธิปไตยในรูปแบบต่างๆมากยิ่งขึ้นนอกจากนี้ยังได้กล่าวถึงวิถีประชาธิปไตยด้านการแสดงความคิดเห็นของคนในสังคมช่วงนี้ โดยยอมรับว่าปัจจุบันมีความความขัดแย้งค่อนข้างมากและกำลังพยายามแก้ปัญหาที่ปลายเหตุร่วมกัน ซึ่งหากมองปัญหาให้ชัดเจนแล้วจะเห็นว่าเป็นความขัดแย้งที่เกิดขึ้นภายนอกครอบครัว หากครอบครัวไหนที่มีวิถีประชาธิปไตยที่ดีอยู่แล้วหรือสามารถกำหนดรูปแบบครอบครัวได้แล้ว ก็จะได้รับผลกระทบจากความขัดแย้งของสังคมน้อยลง ขณะเดียวกันยังได้สร้างความเข้าใจกับเยาวชนที่กำลังเบื่อหน่ายการเมืองหรือการประชุมสภาด้วยว่า แท้จริงแล้วรัฐสภานั้นเป็นที่ให้สมาชิกไปพูด ซึ่งควรสนใจเนื้อหาสาระของสมาชิกที่ไปพูดเพราะจะแสดงให้เห็นถึงเหตุและผลในแต่ละมุมมอง เพื่อนำมาพิจารณาด้วยตนเองว่าหากเราเป็นผู้ที่จะได้ใช้กฎหมายฉบับดังกล่าวนั้นแล้วจะได้รับผลอย่างไร ทั้งนี้ ถ้ามองเพียงรูปแบบของการแสดงความคิดเห็นว่ามีแต่การถกเถียงกัน ประกอบกับรับฟังข้อมูลจากแหล่งต่างๆเพียงด้านเดียวแล้วนั้น วิถีการพัฒนาประชาธิปไตยคงไม่สามารถเกิดขึ้นได้ ตรงกันข้ามสิ่งที่จะได้รับคือความเบื่อหน่ายและการแตกสามัคคีรองเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรยังกล่าวต่อไปว่า อยากให้ทุกคนโดยเฉพาะเยาวชนมีส่วนร่วมทางการเมืองผ่านการติดตาม ตรวจสอบการดำเนินงานของผู้แทนหลังการเลือกตั้ง ฟังการประชุมสภาและแสดงความคิดเห็นผ่านกระบวนการเสนอร่าง พ.ร.บ.ตามขั้นตอนที่กฎหมายกำหนด และที่สำคัญที่สุดเยาวชนซึ่งเป็นกำลังสำคัญของชาติ วันนี้ได้เห็นถึงปัญหาของสังคมซึ่งจะต้องร่วมกันศึกษาและเรียนรู้ตั้งแต่วันนี้ เพื่อร่วมกันคลายปมปัญหาให้น้อยลงในอนาคต ขณะเดียวกันยังได้กล่าวถึงการเปิดประชุมสภาสมัยสามัญทั่วไปในวันที่ 1 สิงหาคมนี้ว่า มีหลายประเด็นที่ควรติดตามไม่ว่าจะเป็น ร่าง พ.ร.บ.ปรองดองแห่งชาติ ที่ยังค้างการลงมติในวาระที่ 3 ก่อนปิดสมัยประชุมที่แล้ว ซึ่งจะต้องนำมาพิจารณาหารือกันเป็นเรื่องแรกเมื่อเปิดประชุม ติดตามมาด้วย ร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ ม.291 ว่าด้วยเรื่องที่มาของ สสร.ที่ยังค้างการลงมติเช่นเดียวกัน นอกจากนี้ยังมีร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2556 ในวาระที่ 2 ที่จะต้องเข้าสู่สภา ท้ายทีสุดแน่นอนว่าในสมัยประชุมนี้ฝ่ายค้านคงจะมีการยื่นญัตติเพื่ออภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรีหรือรัฐมนตรีเป็นรายบุคคลอย่างแน่นอน ซึ่งหากมีการลงมติแล้วไม่ไว้วางใจก็จะนำมาซึ่งการปรับเปลี่ยนรัฐบาลต่อไป